ไปที่วัดสุชาดาราม
วัดนี้เป็นวัดที่ได้รับรางวัลการอนุรักษ์ดีเด่น ดังนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะได้ศึกษาลักษณะรูปแบบของวัดล้านนา
การเข้าถึงอาคารนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจในการใช้สเปสส่วนกลางที่เบรคการเข้าถึง ให้เราได้ยืนมองทั้งสองวิหารและเป็นการนำสายตาไปสู่วิหารหลักอย่างน่าสนใจ โครงสร้างเป็นแบบจั่วหน้าพรหม ที่ซ้อนตามขื่อ และไม่มีปั้นลมปิดขอบกระเบื้อง การตกแต่งก็เป็นแบบปั้นปูนปิดกับไม้ เป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้
จากการสอบถามคนพื้นที่ได้บอกว่าห้ามผู้หญิงเข้าไป แต่เหตุใดผู้หญิงภาคเรามาเต็มเลย 5555
ช่องเปิดระบายอากาศของวิหาร |
หลังจากนั้นแล้วตอนกลางวันก็ได้พักรับประทานอาหารที่วัดวัดข่วงกอม
วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ เดิมทีได้ทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ได้มีการบูรณะซ่อมแซม และสร้างวิหารใหม่เพื่อเป็นศูนย์กลางของชุมชน
ลักษณะเด่นของวัดนี้คือการออกแบบโดยใช้วิทยาการสมัยใหม่ควบคู่ไปกับระเบียบประเพณี การวางผังนั้นเป็นไปตามระเบียบแบบแผน แต่การใช้วัสดุนั้นเพื่อให้เกิดความคงทนถาวรก็ได้ใช้วัสดุที่ดีกว่าเดิม สิ่งที่น่ายกย่องคือการสร้างวัดแล้วไม่ขัดกับสภาพบริบทของชุมชน เป็นการประยุกษ์ความรุ้จากการใช้วัสดุที่กลมกลืนกับธรรมชาติ
ดังนั้นแล้วเรียกได้ว่าเป็น organic architecture ได้เลย
วัดข่วงกอม |
นอกจากการออกแบบตัววัดแล้ว ทางผุ้ออกแบบได้ออกแบบกุฐิสงฆ์ ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก มีการเล่นระดับและการใช้พื้นที่ส่วนกลาง การปลูกต้นสักล้อมรอบ ทำให้หมู่อาคารนั้นกลมกลืนไปกับธรรมชาติ นอกจากนั้นวัสดุยังเป็นไม้อีกด้วย แต่ไม่มีคนอยู่เนื่องจากสร้างผิดที่ผิดทาง ดังนั้นการออกแบบจึงจำเป็นต้องศึกษาวิถีชีวิตและความเชื่อของคนด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดกรณีนี้ก็เป็นได้
organic architecture |
เมื่อถึงตอนเย็น นักเรียนทุกคนเริ่มหนื่อยล้า จึงได้ไปพักผ่อนนอนอาบน้ำร้อนที่น้ำตกแจ้ซ้อน
บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น